กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งชื่อว่าพิกุล
กล่าวกันว่าเธอมีความสวยทั้งหน้าตาและ กิริยามรรยาท
มารดาของเธอตายตั้งแต่เธอยังเล็กมาก
ดังนั้นเธอจึงได้รับการเลี้ยงดูจากแม่เลี้ยงซึ่งเธอเองก็มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อว่ามะลิ
แต่ก็โชคร้ายที่ว่าทั้งแม่เลี้ยงและลูกสาวของเธอนั้นเป็นคนใจร้าย
ทั้งคู่จะบังคับให้พิกุลทำงานหนักทุกวัน
อยู่มาวันหนึ่งหลังจากตำข้าวเสร็จแล้วพิกุลก็ออกไปตักน้ำที่ลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
ในขณะเดินทางกลับ ทันใดนั้นก็มีหญิงชราคนหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพิกุลและขอน้ำเธอดื่ม
พิกุลดีใจมากที่ได้ ช่วยหญิงชราคนนั้น
เธอเอาน้ำให้หญิงชราและบอกให้เธอเอาน้ำไปอีกเพื่อจะได้ล้างหน้า
และล้างตัวให้สดชื่น
พิกุลบอกหญิงชราว่าไม้ต้องห่วงเพราะถ้าน้ำไม่พอเธอจะไปตักมาอีก
หญิงชรายิ้มและกล่าวว่า “
เธอนี่นอกจากจะสวยแล้วยังใจดีอีกถึงแม้ว่าฉันจะดูยากจน
และมอมแมมเธอก็ปฏิบัติกับฉันเป็นอย่างดี ”
หลังจากกล่าวชื่นชมพิกุลแล้ว
หญิงชราก็ให้พรวิเศษกับเธอและด้วยอำนาจของพรวิเศษนี้จะทำให้
ดอกพิกุลทองคำร่วงออกมาจากปากของเธอ
เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกสงสารใครหรือสิ่งใดหลังจากให้พรวิเศษแก่พิกุลแล้ว หญิงชราก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของเธอ
พิกุลก็รู้ทันทีว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงผู้นั้นเป็นนางฟ้าจำแลงมาให้พรวิเศษแก่ตน
ทันทีที่กลับถึงบ้านช้า
เธอก็ถูกแม่เลี้ยงดุด่าว่าไปเถลไถลเพื่อหนีงาน ดังนั้นพิกุลจึงเล่าเรื่องทั้งหมด
ให้ผู้เป็นแม่เลี้ยงฟังพร้อมกับเกิดความรู้สึกสงสารใน
ขณะเล่าจึงทำให้ดอกพิกุลทองคำร่วงออกมาจากปากของเธอด้วย
แม่เลี้ยงจอมละโมบก็เปลี่ยนอารมณ์จากโกรธเป็นละโมบในทันทีพร้อมกับตะครุบดอกพิกุลทอง
ทั้งหมดไว้ในขณะที่ปากก็สั่งให้พิกุลพูดต่อไปเรื่อย ๆ
เพื่อสนองความละโมบของเธอนั่นเอง
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา
แม่เลี้ยงของพิกุลก็เก็บรวบรวมดอกพิกุลทองคำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนำไปขายและได้เงินมามากมาย ชีวิตทุกคนตอนนี้ก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
พิกุลเองก็ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน
แต่ก็ถูกบังคับให้พูดทั้งวันเพื่อให้ดอกพิกุลทองคำออกมาจากปากของเธอมาก ๆ นั่นเอง
อ่อนล้าไปกับการตอบสนอง
ความละโมบของแม่เลี้ยง ตอนนี้พิกุลเองเกิดเจ็บคอและกลายเป็นคน
เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย เธอพูดไม่ได้ไประยะหนึ่ง
อาการเช่นนี้ทำให้แม่เลี้ยงโมโหมากขึ้นจนถึงขั้นตบตี
พิกุลเพื่อพยายามยังคับให้เธอพูดแต่พิกุลก็พูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว
เพื่อตอบสนองความละโมบของตน
ตัวแม่เลี้ยงเองจึงตัดสินใจส่งลูกสาวของตนนามว่ามะลิไปทำ ตามอย่างพิกุลบ้าง
มะลิถูกส่งไปยังสถานที่เดียวกับที่พิกุลบอกไว้แต่ว่าแทนที่จะได้พบกับหญิงชราก็กลับเป็น
พบหญิงสาวสวยสวมเสื้อผ้างดงามยืนอยู่ใต้ร่มใหญ่ หญิงสาวผู้นั้นขอน้ำมะลิดื่มแต่ด้วยความริษยามะลิแสดงอาการโกรธและคิดว่าหญิงผู้นั้นไม่ใช่นางฟ้า
เธอจึงปฏิเสธและใช้วาจาหยาบคายด่าทอนางฟ้าจำแลง
ดังนั้น
นางฟ้าจึงสาปแช่งมะลิว่า เมื่อใดก็ตามที่เธอโกรธและพูดออกมาแล้วไซร้
ก็จะมีหนอนร่วงออกมาจากปากของเธอ เมื่อกลับมาถึงบ้านมะลิก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่ฟังและด้วยความโกรธในขณะ
เล่าเรื่องนั้นก็ทำให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยตัวหนอน
ผู้เป็นแม่คิดว่าพิกุลอิจฉาลูกสาวของตน
ดังนั้นจึงแกล้งบิดเบือนเรื่องที่เล่าจึงเป็นเหตุให้ลูกสาวของตนไม่ได้พบกับหญิงชราแม่เลี้ยงจึงทุบตีพิกุลและไล่เธอออกจากบ้านไป
ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งพิกุลจึงท่องเที่ยวไปในป่าแต่เพียงลำพัง
โชคดีที่ว่าเธอเดินไปในทิศทางที่
เจ้าชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการขี่ม้าประพาสป่ากับข้าราชบริพารผ่านมาพอดีเมื่อทอดพระเนตรเห็นสาวนั่งร้องไห้อยู่ทรงถามเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด
ทันทีที่พูดจบที่บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยดอกพิกุลทองคำ เจ้าชายดีพระทัยยิ่งนัก
จึงขอนางอภิเษกสมรสด้วยและหลังจากการอภิเษกสมรสทั้งสองพระองค์ก็ได้
ขึ้นครองราชย์และปกครองเมืองของพระองค์ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา...
แง่คิด :
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการประกอบคุณงามความดี
ที่มา : นิทานพื้นบ้านของไทย
ขวานฟ้าหรือพิกุลทองครับ?
ตอบลบ